ศาสนาคริสต์ เหมือนกับในศาสนาอื่นทั่วโลกที่อาจจะมีแตกนิกาย แตกกลุ่มออกไป ตามหลักความเชื่อที่อาจจะมีการตีความแตกต่างกัน ซึ่งการแตกกลุ่มแบบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องผิด ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะทำให้ศาสนาเสื่อมลงแต่อย่างใด กลับกันการทำแบบนี้จะทำให้ศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเสียอีกด้วย ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีอายุยืนยาวนานจึงไม่แปลกที่จะมีการแตกนิกายออกไปบ้าง ซึ่งแต่ละนิกายแตกต่างกันอย่างไร แตกต่างกันเรื่องการตีความ คำสอนตามหลักศาสนานั้น เป็นสิ่งที่มีมานานมาก คำสอนเกือบทุกอย่างเป็นเรื่องราวนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ ซึ่งนามธรรมนี่แหละที่ทำให้การตีความเกี่ยวกับความหมายของคำสอนแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ศาสนาคริสต์เองก็เช่นกันนิกายที่แตกออกไปนั้น ส่วนใหญ่จะตีความเกี่ยวกับคำสอน ประวัติ และแนวทางการปฏิบัติแตกต่างกันไป จึงขอแยกออกจากนั้นเพื่อดำเนินตามเส้นทางที่ตัวเองวางไว้ดีกว่า โรมันคาทอลิก กับ โปรเตสแตนต์ สองนิกายที่ชื่อน่าจะคุ้นหูคนไทยมากที่สุดก็คือ นิกายโรมันคาทอลิกกับนิกายโปรเตสแตนต์ พวกเค้ามีความแตกต่างกันหลายอย่างเลย หนึ่งความเชื่อโรมันคาทอลิกจะให้ความรัก ความศรัทธานับถือ พระเยซูมาก่อน จากนั้น พระนางมารีย์พรหมจารี (พระแม่มารี) จะได้รับความรัก ความนับถือในระดับใกล้เคียงกัน เนื่องจากเชื่อกันว่าพระแม่มารีเปรียบได้พระมารดาของพระเยซูเธอเปรียบได้รับวีรสตรีตามความเชื่อในประวัติของศาสดา กลับกัน นิกายโปรเตสแตนต์ไม่ได้นับถือพระแม่มารีย์ พวกเค้านับถือแต่พระเยซูองค์เดียวเท่านั้น สองโลกหลังความตาย โรมันคาทอลิกเชื่อว่า พอตายแล้วเราจะต้องเดินทางไปแดนชำระก่อนเพื่อจัดการเรื่องความดี ความชั่ว บาปเสียก่อน จึงจะไปสวรรค์ได้ รวมถึงการจะขึ้นสวรรค์ได้นั้น ต้องเกิดจากความเชื่อ ความศรัทธา + การกระทำความดีควบคู่กันด้วย จึงจะครบถ้วนไปสวรรค์ได้ แต่ฝั่งโปรเตสแตนต์ เชื่อว่าแดนชำระไม่มีอยู่จริง การขึ้นสวรรค์เกิดจากความเชื่อและแรงศรัทธาของตนที่มีต่อพระเยซู ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำแต่อย่างใด สามพิธีกรรมทางศาสนากลุ่มโรมันคาทอลิก มีพิธีกรรมอยู่ 7 อย่างด้วยกันคือ ศีลล้างบาป, ศีลกำลัง, ศีลมหาสนิท, ศีลอนุกรม, ศีลสมรส, ศีลอภัยบาป และ ศีลเจิมผู้ป่วน ส่วนฝั่งโปรเตสแตนต์มีพิธีกรรมเพียงสองอย่างเท่านั้นคือ พิธีศักดิ์สิทธิ์ และ พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ อาจจะมีพิธีกรรมอื่นแต่ไม่ได้ยกระดับถึงขั้นเรียกว่าศีล นับว่าเป็นพิธีกรรมทั่วไปเท่านั้น จะเห็นว่า ความเชื่อที่แตกต่างกันในรายละเอียดทำให้ พิธีกรรม การแสดงออก ความเข้าใจ การตีความ รวมถึงการบริหารกลุ่มนิกายแตกต่างกันไปด้วย แต่พวกเค้ามีจุดมุ่งหมายร่วมกันก็คือ การนับถือพระเยซูอันเป็นศาสดาสูงสุดของพวกเค้าเอง
Read More