ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก คือ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ล้วนมีบาปมาตั้งแต่กำเนิด เพราะการกระทำผิดของมนุษย์คู่แรกของโลก อดัมและอีฟ ที่ฝ่าฝืนคำสั่งไปกินแอปเปิ้ลในสวนเอเดน เพราะฉะนั้น การที่คุณจะเข้ามาเป็นหนึ่งในคริสตชน จำเป็นต้องรับศีลล้างบาปเพื่อทำให้มีแต่ความสะอาดบริสุทธิ์
ความเป็นมาของพิธีศีลล้างบาป
โดยพิธีนี้มาจากความเชื่อของชาวอิสราเอลในสมัยโบราณ ตั้งแต่ยุคพันธสัญญาโน่น ในสมัยนั้นมีความเชื่อว่า การชำระล้างด้วยน้ำสะอาด เป็นเครื่องหมายของการชำระล้างทางจิตใจ โดยเริ่มมาจากพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์น ณ แม่น้ำจอร์แดน นอกจากนี้พระเยซูเคยมีคำสั่ง แก่ที่ผู้เป็นสาวก ต้องได้รับศีลล้างบาปในนามของ พระบิดา พระบุตร พระจิต จึงทำให้ชาวคริสต์ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงชาวคริสต์ในปัจจุบัน ได้ถือสืบทอดปฏิบัติตามกันมา เนื่องจากเชื่อว่าเป็นการชำระตัวเองให้บริสุทธิ์จากบาปทั้งหลาย เป็นการยืนยันความเชื่อในพระคริสต์เจ้า
พิธีศีลล้างบาป
เอกลักษณ์ของพิธีนี้คือการใช้น้ำ โดยผู้รับศีลล้างบาปอาจทำได้ตั้งแต่เป็นเด็กทารก หรือทำตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้ แต่ตอนเป็นผู้ใหญ่จะดีกว่า เนื่องจากเป็นการกระทำด้วยความศรัทธาของตนเองอย่างแท้จริง ต่อมา ผู้ที่ทำพิธีคืออธิการโบสถ์หรือผู้ที่คุณพ่อได้มอบหมายได้ทั้งนั้น แม้แต่ในยามใกล้ตายก็สามารถโปรดศีลล้างบาปได้ทั้งนั้น และ ผู้โปรดศีลล้างบาปต้องทำให้ถูกต้องทุกประการ ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นโมฆะ
ทางฝั่งผู้รับศีลล้างบาป จะต้องมีพ่อแม่ทูนหัวซึ่งไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ โดย พ่อแม่ทูนหัวนี้ จะทำหน้าที่ประคองศีรษะของผู้รับศีลล้างบาป ในขณะที่ผู้โปรดศีลล้างบาปจะเทน้ำราดลงบนศีรษะ และผู้ที่ได้รับเป็นพ่อแม่ทูนหัว จะต้องดูแลลูกทูนหัวในเรื่องของทางจิตวิญญาณ ไปจนลูกทูนหัวสามารถช่วยตัวเองได้ นอกจากนี้ พ่อแม่ทูนหัวจะแต่งงานกับลูกทูนหัวของตัวเองไม่ได้อย่างเด็ดขาด การทำพิธีล้างบาปจะทำในวันคืนวันปาสกา , วันอาทิตย์
ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ทุกคนต้องผ่านพิธีนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นการยืนยันว่าตนเองได้เข้ามาเป็นสมาชิกของศาสนาจักรแล้ว ถึงจะสามารถรับศีลอื่นๆ ได้ และ การรับศีลล้างบาปนี้สามารถทำได้เพียงแค่ครั้งเดียวตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น แล้วกลับมานับถือศาสนาคริสต์อีกก็ไม่ต้องรับศีลนี้ เนื่องจากได้ทำการล้างบาปไปแล้วนั่นเอง